ที่จัดงานแอร์จะหนาวหน่อยนะคะ ขอให้เตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วย
(3 วันก่อนถึงงาน) เป็นประโยคที่ผมไม่เคยลืม ความทรมาณที่ต้องฝ่าหนาวทั้งคืนนอนตัวสั่นที่งาน Stupid Hackathon in Thailand 7 (SHiT7) ผมก็ไม่เคยลืมเช่นกัน ดังนั้นผมจะไม่ทำผิดครั้งที่ 2 อีก! ผมได้เตรียมเสื้อกันหนาว ACSP Outstanding Smart Student 2013 ของผมไว้แล้ว ผมจะไม่พลาด เอาหล่ะ ไปเคลียร์งานต่อดีกว่า…
🍵 วันเสาร์… มาเยือน
นอนตีสาม ตื่นเจ็ดโมง คำนวณเวลาผิดไปนิดหน่อยแหละ ออกจากสำโรงไปสถานีแบริ่ง (ถ้าถามว่าทำไมไม่ขึ้นสถานีสำโรง คือมันเดินไกล) ไปชิดลมก็กว่าสิบสถานี เวลาก็ 10:40 ไปละ ยังไม่นับที่เดินหา ทางขึ้นอีกนะ (เผลอเดินขึ้นของ Studio Ghibli อีก เขิลเลย) DM พี่ลีโอแบบรัว ๆ (ขออภัยครับ หลงจบิง ๆ🙏😭) พอดีเคยไปแต่อิมพีเริลเวิล์ด แต่ก็หาเจอจนได้
กว่าจะหาเจอ ต้องขึ้นลิฟต์โน้น บันไดนั้น เอาเป็นว่าหายหลงแล้วกัน ตอนเข้า TK Park ก็จะงง ๆ หน่อย เพราะมีอีกงาน แล้วก็เหมือนอีกงาน ผมก็เดินงง ๆ ตรงเค้าเตอร์ สรุปก็ได้ใบ QR code สแกนเข้างานแบบงง ๆ แต่ก็โอเค ข้างนอกมีดนตรีเล่น (โคตรดัง) แต่พอเข้าไปละ ตกใจกว่าเดิมอีก!?
🧩 เด็ก และ เลโก้ มหาศาล
ก็รู้แหละว่างานที่เป้าหมายคือเด็ก แต่คือคิดว่าเด็กโตไรงี้ มานั่งฟังทอล์ค เลคเชอร์ไปยาว ๆ เหมือนงาน Hacktoberfest Thailand 2022 แต่ว่า โอ้ มาย พระแม่มารีอา นี่มัน kindergarten ดี ๆ เลยนิหว่า ว่าแล้วก็นั่งฟังพี่ปั๊บหล่อมาก เอ้ย พี่ปั๊บกับพี่ภูมิปรินทร์ ยินเม้าท์กัน จำไม่ได้ละว่าตอนเข้ามาเขาคุยอะไร แต่เขาอธิบายว่า ตอนบ่ายจะมีสามโลก คือ
- โลกแฟนตาซี — ชาว Isekai ต่างโลกนักเบียวปิงปิงชยานนท์อย่างเราช๊อบชอบ
- โลกแห่งคนตาย — เหมือนเรื่องโคโค่อ่ะ แต่ไม่มีชิโนะอ่ะนะ
- บุกดาวอังคาร — เหมือนจะไปดาวอังคารซักอย่าง แล้วเผลอใส่น้ำมันกลับโลก 10 มิลลิลิตร
ฟังไปตอนแรกอาจจะงง ๆ ว่ามันคืออะไร แต่เดี๋ยวพอถึงตอนบ่ายก็รู้เองแหละ ในขณะนี้เนี่ยเขาก็ให้เราลองเอาหัวข้อ เช่น อวกาศ, ภาษา, หรือหนัง ลองไปรวมกับสิ่งต่าง ๆ อย่างเช่น พี่คนนึง ที่เรียนแพทย์อยู่ แล้วเอาภาษา ไปบวกกับการแพทย์ จึงได้ออกมาเป็นเครื่องมือแปลภาษาทางการแพทย์ ซึ่งเรียกว่าบรรเจิดมาก เพราะไม่มีใครอยากมาจำความหมายของ Oligoasthenoteratozoospermia หรอก ถูกไหม?
อ้อ ลืมบอกไปเลย ก่อนหน้านั้นเขาให้จับกลุ่ม คนนึงเป็น Event Director อีกคนก็พี่เมื่อกี้ พอดีพี่เขาถามว่ามางานนี้ได้ไง ผมก็บอกว่าติดตาม creatorsgarten มานานละ พอถามโปรเจกต์ SHiT7 ที่ทำเท่านั้นแหละ… ช่างมัน ๆๆๆๆๆ จะว่าไปแล้วเด็ก ๆ ก็เสนอไอเดียมาเพียบเลย เช่น ภาษาพลังจิตเอย เครื่องย้ายวัตถุเอย เรียกว่าอยากกลับไปเป็นเด็กทั้ง ๆ ที่ยังเป็นเด็กอีกครั้งเลย พอดี พักเที่ยงละ ไปหาไรกินแป๊ป
🔎 เที่ยงวันทันอะไร
ทันข้าวดิครับ ก็ไม่มีอะไรมาก ผมไปกินข้าวที่ Food Court ใกล้ ๆ กันนี่เอง ละก็บิดไปซื้อไยบะเล่ม 10 (ยังอ่านไม่จบ😭) ตอนแรกจะไปจับจ่ายใช้สอยกับ 名探偵コナン แต่เห็นไยบะข้าง ๆ กันพอดี ก็ซื้อดิครับ 🥰 กับ Made in Abyss เล่มแรก (อ่านไทยไม่ออก😭) หมดไป 395 บาท (กลับบ้านยังไงเนี่ย) ส่วนสตาฟก็กินข้าวสตาฟไป ฮุฮุ แต่สงสัยซื้อเพลินไปหน่อย เลยเลทเลย 10 นาที
พอขึ้นมาปุ๊ป เหมือนจะมีดีเบทกัน โดยแบ่งเป็นสองฝ่าย ตอนที่ขึ้นไปเขาดีเบทกันเรื่อง “ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วไม่มีคนได้ยิน เสียงจะเกิดไหม” ซึ่งผมก็แอบโดนสปอยล์ในเฟสบุ๊คที่ภูมิแล้วแหละ ก็มีคำตอบหลากหลายเลย เช่น “ไม่เกิด เพราะไม่มีใครได้ยินเสียง แล้วจะรู้ได้ไงว่ามีเสียงจริง” จำได้ลาง ๆ ประมาณนี้แหละ
และคำถามต่อไป “ผีควรมีสิทธิมนุษยชนไหม” ผมเห็นละ ก็คิดในใจ “ชื่อมันก็บอกว่า สิทธิมนุษยชน ไม่ใช่ สิทธิวิญญาณชน สักหน่อย” ละก็มีคนคิดแบบผมด้วย แล้วก็มีน้อง ๆ ที่เห็นต่างแบบว่า ใจร้ายจัง ไม่สงสารคุณผีบ้างหรอ หรือว่าผีบางคน ที่ดีเบทเรื่องแบบว่า “ที่ดินเป็นของมนุษย์ แต่ผีมาอาศัย อย่างงี้ไม่ถูกต้อง” หรือ “การที่เราไม่ได้รับรู้ ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเขาไม่ควรได้รับสิทธิที่เท่าเทียม” ละก็มีอีกทีมนึง ที่บอกว่า “ผีก็แค่เรื่องที่ผู้ใหญ่แต่งมาหลอกเด็ก” เรียกว่ามันส์มาก
🌐 โลกมือสวยเราด้วย
อย่างที่อธิบายไปข้างต้น เราะมีโต๊ะสามโต๊ะ วางไว้แต่ละมุมห้อง แต่ว่าอยู่กลางห้อง (เป็นรูปสามเหลี่ยมอ่ะ เก็ทมะ) โดยแต่ละโลกจะมี GM ของโลกนั้น ๆ (ผมเลือกโลกแฟนตาซีอ่ะนะ) โดยโลกแฟนตาซีของเราเนี่ย GM คือพี่ลีโอ และจะมีจอมมารเป็นพี่กัสเบล โดย GM ทำหน้าที่แบนไอเทมที่ OP เกินไป แต่ไม่ถึงไหนพี่ลีโอบิดหนีไปละ โต๊ะอื่นผมไม่แน่ใจ ของโต๊ะผีนี่มาเป็นบริษัทกับปรัชญาเลย แบบ “ลืมคืออะไร” คมมาก โดยโต๊ะของเราเนี่ย ให้เราสร้างอะไรก็ได้ให้ไปปราบจอมมารกัสเบล (ด้วยเลโก้) ซึ่งไม่ถึง 10 นาที ปราสาทจอมมารพังครับ (สมาชิกท่านใด)
ในขณะเดียวกันอีกด้านนึงของโต๊ะเนี่ยเรียกว่าเป็นการเป็นงานมาก สร้างปราสาทผู้กล้าได้ละ เหลือปราสาทจอมมาร ผมก็ด้วยความที่ต่อเลโก้ไม่เป็น ก็เลยเล่นโดมิโน่กับตัวเองเล่น?? ก็ช่วยน้อง ๆ พี่ ๆ กันไป ด้วยความที่ว่างผมก็เอา post-it มาเขียนโจทย์สอวน. ฟิสิกส์มาแปะไว้ แล้วก็เอาไปให้เด็ก ๆ ทำกัน เสียดายทำไม่ได แต่ไม่เป็นไร เพราะเราเชื่อใน WE LIVE, WE LOVE, WE LIE แต่พลังงานพี่กัสดูท่าจะหมดละ ผมก็แอบง่วง แต่ก็ช่วยดูน้อง ๆ
ตอนแรก ๆ ก็มี 3 โลกอ่ะนะ แต่ไป ๆ มา ๆ เหมือนประกาศเอกราชไป 6 โลกซะงั้น โดยระหว่างทำเนี่ยก็จะมีอีเว้นท์ด้วย เช่น ของเราเป็นศึก 100 ปี จะมีโจทย์ให้ทำยังไงก็ได้ ให้ศึกนี้สงบลง (จอมมารง่วงแล้วอ่ะดิ) ก็มี Lore ของแต่ละโต๊ะไป ผมกับพี่กัสก็ไปคุยกับน้อง ๆ จนน้องถามว่าเฟมบอยคืออะไร (เวรละ) เอาเป็นว่าจบละดีกว่า
🔬 โลกนี้มีอะไร
ในตอนนี้เนี่ยเขาจะให้โต๊ะต่าง ๆ มาอธิบายละว่าที่สร้างมาเนี่ยคืออะไร โดยส่งตัวแทนมาโอน้อยออก (3 โต๊ะหลักก่อน) โดยโต๊ะผีเนี่ยเรียกว่าทำกันเป็นบริษัทเลย แต่ผมไม่ได้ฟัง (ขออภัยในสมาธิสั้น😭) แต่น่าจะเป็น Service ของคนที่ตายไปแล้วให้ยังถูกจดจำอยู่ คิดว่าอารมณ์แบบ “You die twice” นะ เคยดูโคโค่แต่ตอนนี้ดูชิโนะละ
ต่อไปก็โต๊ะอวกาศ อันนี้จำไม่ได้เหมือนกัน😭 ถ้ามีย้อนหลังก็ลองไปดูน้องนำเสนอนะ เหมือนมีปัญหากับโลกหรืออะไรซักอย่างแหละ แบบว่าทดสอบดาวเทียมแล้วไปชนโลก หลังจากนั้นก็โต๊ะเราเอง ก็เล่าไปสงครามร้อยปีบลา ๆ เรียกได้ว่าพี่ ๆ ทำเมืองได้สวยมาก ขอบคุณมาก ๆ ฮะ แล้วก็ 3 ดินแดนปกครองตนเอง เหมือนจะมีดรีมเวิล์ดด้วยนะ ลองไปดูกันได้
หลังจากทั้งหมดจบลงเนี่ยเราก็จะเชื่อมโลกกัน โดยเอาเทปมาแปะระหว่างโต๊ะ (ยังงี้ก็ได้หรอ) ก็แปลก ๆ แต่สร้างสรรค์ดี จากนั้นก็มีบรรยายนิดหน่อย เกี่ยวกับการเรียนรู้
📗 เรียนอย่างไร…?
What i cannot create, I do not understand
เชื่อว่าหลายคนตอนเด็ก ๆ สมัยอนุบาล คงได้เล่นของเล่นอย่างสมใจ แต่ทำไมพอถึงวัยประถม แล้วเราไม่ได้เล่นแล้วหล่ะ? คำถามจากพี่ปั๊ปหรือพี่ภูมินะ บางคนบอกว่า “ของเล่นมันไร้สาระ” หรือ “ถึงเวลาเรียนแทนเวลาเล่นแล้ว” โดยพี่เขาก็เล่าไปว่าผู้คิดค้นคือใคร เมื่อก่อนผู้ปกครองไม่ชอบ อะไรก็ว่าไป “เราไม่อยากให้เด็กเป็นเหมือนเครื่องจักร” คมมากครับ
หลังจากพี่จากมูลนิธิไทยคมกล่าวขอบคุณเสร็จ แล้วก็ถ่ายรูป แล้วก็กลับบ้านกันไป แต่ผมก็เนียน ๆ อยู่ต่อ แลกกับการช่วยเก็บเลโก้😰
😌 ช่วงจับเข่าคุย
เป็นช่วงที่เราจะมาล้อมวงกัน แล้วก็ออกมาแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้จากงาน มีพี่คนนึงบอกว่าตอนแรกนึกว่าจะมาสอนน้อง แต่กลับกลายเป็นน้องสอนเราซะงั้น สตาฟบางคนก็มาครั้งแรก แล้วก็แขกรับเชิญจากสปอนเซอร์ของเราก็มาพูดด้วย ตอนแรกเขาก็ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่หรอก (ปกติ creatorsgarten ก็ไม่ค่อยจัดให้เด็กอ่ะนะ) แต่พอเขาเห็น process การทำงานของ creatorsgarten แล้วก็วางใจได้เลย ขนาดพี่ปั๊ปยังมาบอกเองเลยว่าไม่เคยจัดการกับเด็กมาก่อน จนกระทั่งจะทำเครื่องต่อยเด็กเลยอ่ะนะ..
แต่หลังในหลังจบงานเขาก็แจกเสื้อ สวยดี กับสติกเกอร์งาน Bangkok Opensource Hackathon ที่ผมไม่ได้เข้าร่วมเลย เพราะติดเรียน😰 อยากให้มีอีกนะครับ
🫠 สรุป
สารภาพว่าตอนเขียนบล็อกนี้ยังไม่ทำรายงานส่งครู💀 แต่ไม่เป็นไร งานนี้เรียกได้ว่าไม่เหมือนงานก่อน ๆ ที่ผมเคยไปเลย เพราะปกติเวลาไปก็เจอแต่พี่ ๆ ตลอด รายล้อมไปด้วยคนเก่ง แต่งานนี้ กลายเป็นเจอแต่เด็ก ๆ ที่มี creativity สูงมากกกก แบบที่ผมคงไม่เคยมีมาก่อน และได้เห็นพัฒนาการเรื่องแอร์ของ creatorsgarten ด้วยแหละ ไม่หนาวเหมือนก่อนละ ตอนไปงานก็ลำบากอยู่ ไปเจอรถติดที่แบริ่ง รถไฟฟ้ามหานครคนก็โคตรรรรรรเยอะ แต่ก็นะ ส่วนสิ่งที่ได้จากงานในปีนี้นะครับก็คือ อย่านอนตีสองก่อนมางานโว้ย แล้วเจอกันใหม่ที่งานครั้งหน้านะฮะ บาย
— Tin